การแข่งขัน กีฬาโอลิมปิก 2024 ซึ่งถูกจัดขึ้นที่ ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ประเทศไทยได้ส่งทัพนักกีฬา ยกน้ำหนัก เข้าแข่งขันในการแข่งครั้งนี้ด้วย ประกอบด้วยทั้งชายและหญิง ล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา ทำเอาแฟนๆกีฬาชาวไทยได้เฮต่อเนื่องไม่ยั้ง
หลังจากได้เหรียญทองจากการแข่งขันเทควันโดหญิง จากน้อง’เทนนิส’ ยังพ่วงตามมาด้วยอีก 2 เหรียญให้ได้ดีใจยามดึก จากการคว้าทั้งเหรียญทองแดง และเหรียญเงินของนักกีฬายกน้ำหนัก ส่งผลให้ตารางอันดับเหรียญของไทยพุ่งขึ้นมาอยู่อันดับที่ 31
การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 ประเภทยกน้ำหนักชาย รุ่น 61 กิโลกรัม จากนักยกเหล็กหนุ่มวัยเพียง 20 ปี ‘ฟ่าง ธีรพงศ์ ศิลาชัย’ จากจังหวัดศรีสะเกษได้แสดงพลังยกสุดแรง และในทุกๆครั้งที่ยกไม่เคยมีครั้งไหนที่ผิดพลาดเลย ทำให้เขาสามารถผงาดคว้าเหรียญในการแข่งขันโอลิมปิกเกม 2024 ครั้งนี้ได้ นับได้ว่ารางวัลนี้เป็นเหรียญรางวัลที่ 3 ของทัพนักกีฬาไทยด้วย
การแข่งขันเริ่มต้นจากท่าสแนช ‘ธีรพงศ์’ นักยกน้ำหนักไทย เริ่มเรียกน้ำหนักที่ 127 kg เขาสามารถยกผ่านฉลุยไม่ติดปัญหาใดๆ เช่นเดียวกับรอบการยกครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 เขาเรียกน้ำหนัก 130 kg และปิดจบด้วยน้ำหนัก 132 kg
จบท่านี้เจ้าตัวยังคงมีคะแนนรั้งเป็นอันดับ 3 ในตาราง ซึ่งเป็นรองแค่ ‘หลี่ ฟาปิน’ ดีกรีเจ้าของสถิติโลกคนปัจจุบันจากประเทศจีน ที่สามารถยกได้ 143 kg ซึ่งทำลายสถิติโอลิมปิกเกมส์และการแข่งที่อินโดนีเซียเขายกได้ 153 kg
ต่อด้วยการแข่งในท่าคลีน แอนด์ เจิร์ก นักยกเหล็กหนุ่มของไทยทำการเรียกน้ำหนักครั้งแรก 167 kg ในครั้งแรกของการยก สามารถยกได้ไม่มีปัญหา รอบการยกต่อมาเรียกน้ำหนักที่ 169 kg รอบแรกติดไฟแดง 1 ครั้ง
แต่ก็ไม่เป็นปัญหาเพราะยกผ่านไปได้ ครั้งที่ 3 เจ้าตัวเรียกน้ำหนัก 171 kg ในการยกสามารถทำได้ดีผ่านรวดทั้ง 2 ท่า ทำได้น้ำหนักรวม 303 kg ส่งผลให้คว้าเหรียญเงินไปครองได้สำเร็จ [1]
จากการคว้าเหรียญเงินในรายการยกน้ำหนักครั้งนี้ทำให้ ‘ธีรพงค์’ ได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทย (NSDF) จำนวน 7.2 ล้านบาท ซึ่งหากเลือกรับเงินแบบแบ่งจ่าย จะได้รับเงินเต็มจำนวนโดยมีการรับก่อนครึ่งหนึ่ง คือ 50% ส่วนที่เหลืออีก 50% จะเป็นการผ่อนจ่ายรายเดือนให้ภายในเวลา 4 ปี แต่ถ้าเลือกรับแบบก้อนเดียวจบ จะได้รับอยู่ที่ 6 ล้านบาท [1]
ด้านการแข่งขันยกน้ำหนักหญิงของทัพนักกีฬาไทย ในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้ก็ไม่น้อยหน้าสามารถคว้าเหรียญทองแดงมาครองได้ จากผลงานของ ‘ออย สุรจนา คำเบ้า’ จากจังหวัดเชียงราย ในการยกน้ำหนักรุ่น 49 กิโลกรัม ส่วนเหรียญทองเป็นของจีน ‘ฮัว จือ ฮุย’ และเหรียญเงินตกเป็นของ ‘มิเฮลา วาเลนตินา คัมเบ’ จากประเทศโรมาเนีย
สำหรับการแข่งขันยกน้ำหนักหญิงในท่าสแนตช์ ‘สุรจนา’ เรียกน้ำหนักครั้งแรก 86 กิโลกรัม และสามารถยกผ่านได้สบายๆ ต่อด้วยครั้งที่ 2 เรียกน้ำหนัก 88 กิโลกรัม แต่การยกครั้งนี้พลาดเนื่องจากจังหวะดันเหล็กขึ้นล็อกแขนไม่อยู่ ทำให้เหล็กตกหลัง อย่างไรก็ตามในการยกครั้งที่ 3 สามารถแก้ตัวได้สำเร็จด้วยการเรียกน้ำหนักเท่าเดิม ทำให้สถิติการยกอยู่ที่ 88 กิโลกรัม
ต่อมารอบการแข่งท่าคลีนแอนด์เจิร์ก ‘สุรจนา’ เรียกน้ำหนักครั้งแรกที่ 110 กิโลกรัม สามารถยกผ่านได้ฉลุยต่อด้วยการยกครั้งที่ 2 เรียกน้ำหนัก 112 กิโลกรัม สามารถยกผ่านไปได้และการเรียกน้ำหนักครั้งที่ 3 อยู่ที่ 114 กิโลกรัม แต่เจ้าตัวไม่สามารถยกผ่าน ทำให้สถิติน้ำหนักรวมอยู่ที่ 200 กิโลกรัม เป็นผลให้คว้าเหรียญทองแดงได้สำเร็จ [2]
หลังจากที่คว้าเหรียญทองแดงได้สำเร็จ รางวัลที่นักยกน้ำหนักหญิงคนนี้จะได้รับจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทยจำนวน 4.8 ล้านบาท โดยจ่ายก้อนแรกจำนวน 50% ส่วนอีก 50% ที่เหลือจะแบ่งจ่ายเป็นรายเดือนในระยะเวลา 4 ปี
พร้อมทั้งได้รับเงินจากคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯเดือนละ 8,000 บาท เป็นเวลา 20 ปี รวมเป็นเงิน 1.92 ล้านบาท และบริษัทโอสถสภาจำกัด(มหาชน) 3 แสนบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 7.02 บาท [2]
ความสำเร็จในการคว้าเหรียญเงินและเหรียญทองแดง จากการแข่งขันกีฬา ยกน้ำหนัก ทั้งหญิงและชายของชาติไทย ทำให้คนที่คอยเชียร์รวมถึงตัวของนักกีฬาภาคภูมิใจในตัวเอง และทำให้วงการยกน้ำหนักของไทยสามารถพัฒนานักกีฬาดีๆ ส่งเข้าแข่งขันเพื่อชิงเหรียญในรอบต่อไปได้อีกด้วย และจากความสำเร็จครั้งนี้ทำให้ทั่วโลกได้เห็นถึงความเก่งกาจของนักกีฬาไทย ว่าถ้ามีความตั้งใจจริงความสำเร็จก็เกิดขึ้นได้
[1] mgronline. (Aug 07. 2024). "ธีรพงศ์" ใส่สุดพลังคว้าเหรียญเงิน ขึ้นแท่นยกเหล็กหนุ่มไทยคนที่ 2 ได้เหรียญโอลิมปิกเกมส์. Retrieved from mgronline
[2] thaipbs. (Aug 08, 2024). "ออย สุรจนา" คว้าเหรียญทองแดง ยกน้ำหนักโอลิมปิก 2024. Retrieved from thaipbs