สับปะรด ชื่อสามัญ Pineapple จัดอยู่ในวงศ์สับปะรด Bromeliaceae มีต้นกำเนิดมาจากทวีปอเมริกาใต้ เป็นผลไม้เขตร้อนอีกชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจต่อเกษตรกรไทย ปัจจุบันประเทศไทยได้มีการส่งออกสินค้าและผลิตภัณฑ์แปรรูปต่างๆของสับปะรดในลำดับต้น ๆ ของโลก อุดมไปด้วยวิตามินกับสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
มาทำความรู้จักเกี่ยวกับ สับปะรด และสายพันธุ์ปลูกในไทย
สับปะรดเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพอีกชนิดหนึ่ง มีรสชาติหวานอมเปรี้ยวฉ่ำน้ำ ทานแล้วสดชื่น มีสรรพคุณที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง แถมยังมีราคาไม่แพงสามารถซื้อบริโภคได้ทุกวัน จะมีลำต้นสั้น สูงได้ถึงประมาณ 1-2 เมตร มีอยู่หลากหลายสายพันธุ์ด้วยกัน สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี แถมยังมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้อย่างดี
ลักษณะทั่วไปของ สับปะรด
สับปะรดเป็นไม้ล้มลุกมีอายุหลายปี มีลำต้นเตี้ย เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศที่แห้งแล้ง ลักษณะภายนอกของสับปะรดค่อนข้างโดดเด่น โดยจะมีลักษณะทั่วไปดังนี้
- ลำต้น : คือไม้ล้มลุกอายุหลายปี มีความสูงประมาณ 50-125 เซนติเมตร ลำต้นใต้ดิน ปล้องสั้น ไม่แตกกิ่งก้านมีแต่กาบใบห่อหุ้มลำต้น ใบเดี่ยวเรียงสลับ ซ้อนกันถี่มากรอบต้น จะกว้าง 6.5 เซนติเมตร ยาวได้มากถึง 1 เมตร ลำต้นแข็งแรง จะเหมือนรูปทรงกระบอก มีทรงพุ่มแผ่ออกข้าง
- ใบ : ใบเดี่ยวเรียวยาว ออกเรียงเวียนถี่แต่ไม่มีก้านใบ โคนใบจะมีกาบหุ้มลำต้น ใบจะโค้งขึ้นมีหนามแหลมคล้ายกับใบว่านหางจระเข้ เนื้อใบจะหนาแข็งแรง ด้านในมีเส้นใยที่มีความเหนียวมาก ใช้กักเก็บน้ำเอาไว้เลี้ยงลำต้นในสภาพอากาศที่แห้งแล้ง ส่วนท้องใบมีเกล็ดสีขาว ใบจะสีเขียวอมเทาหรือแดง
- ราก : ระบบรากฝอย รากที่เกิดจากจุดกำเนิดของราก ซึ่งมีอยู่ตามซอกใบของลำต้น
- ดอก : ดอกช่อออกจากกลางต้น มีดอกย่อยจำนวนมาก มีกลีบเลี้ยงที่เชื่อมติดกันปลายแยกออก กลีบดอกรูปแถบแกมขอบขนาน มีปลายที่แหลม โคนกลีบสีขาว ส่วนปลายกลีบสีม่วงหรือแกม
- ผล : ชนิดผลรวมอัดกันแน่นอยู่บนแกนกลาง รูปทรงรี มีโคนกว้าง มีใบสั้นกระจุกอยู่ที่ปลายผล เนื้อของผลรวมเมื่อสุกมีรสหวานกับหวานอมเปรี้ยว เนื้อฉ่ำมีน้ำมาก ผลที่ยังไม่สุกส่วนมากมักมีสีเขียว, สีน้ำตาลแดง เมื่อสุกแล้วจะมีสีเหลืองอมเขียว บางพันธุ์เหลืองอมส้ม
- เมล็ด : จะมีขนาดเล็กเรียวยาว กว้างประมาณ 1-2 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 3-5 มิลลิเมตร มีผิวสีน้ำตาล [1]
สายพันธุ์ สับปะรด ที่ปลูกในประเทศไทย
ในปัจจุบันเกษตรกรไทยปลูกสับปะรด เพื่อการบริโภคและการแปรรูปทางอุตสาหกรรมต่างๆได้อย่างหลากหลาย อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างให้มีรายได้ที่มั่นคง โดยจะมีอยู่ 14 สายพันธุ์ด้วยกันที่นิยมปลูกมากในไทย มีดังต่อไปนี้
- พันธุ์ปัตตาเวีย : ลักษณะมีทรงต้นใหญ่กว่าพันธุ์อื่นๆ ใบมีสีเข้ม ขอบใบเรียบอาจมีหนามที่ปลายใบเล็กน้อย ผลมีขนาดใหญ่ น้ำหนัก 2-6 กิโลกรัม เปลือกผลสีเขียว รูปทรงกระบอก เนื้อจะละเอียด มีสีเหลือง รสชาติหวานแถมมีแกนใหญ่
- พันธุ์อินทรชิตแดง : ลักษณะทั่วไปใบจะมีหนามแหลม ผลมีขนาดเล็ก ผลย่อมนูนเด่น มีตาลึกเนื้อในสีเหลืองทอง รสชาติหวานอ่อน มีเยื่อใยมาก พันธุ์นี้จะไม่เหมาะกับการทำอุตสาหกรรม เนื่องจากมีผลขนาดที่เล็กเกินไป ให้ปริมาณเนื้อน้อย
- พันธุ์อินทรชิตขาว : มีลักษณะของทรงพุ่มค่อนข้างเตี้ย ใบแคบสั้นกว่าพันธุ์อินทรชิตแดง เนื้อผลมีสีเหลืองทอง รสชาติหวานอ่อน แต่คุณภาพของเนื้อไม่ดีนัก ผลมีหลายจุก อีกทั้งยังมีขนาดผลเล็ก
- พันธุ์ภูเก็ต : จะมีลักษณะทรงพุ่มปานกลาง ใบสีชมพูปนแดง ขนาดของผลเล็กกว่าทุกพันธุ์ มีน้ำหนักผลประมาณ 0.5-1 กิโลกรัม ปริมาณเยื่อใยในเนื้อต่ำมาก สีของเนื้อเหลืองสดใส รสชาติหวานกรอบ ปัจจุบันนิยมปลูกทางภาคใต้
- พันธุ์นางแล : มีลักษณะคล้ายคลึงกับสับปะรดในกลุ่ม Cayenne ทรงพุ่มจะไล่เลี่ยกัน มีขอบใบที่เรียบไม่มีหนาม มีขนาดผลเล็ก สายพันธุ์นี้ผลย่อยค่อนข้างโปนออกมาภายนอก เมื่อปอกเปลือกจึงไม่มีส่วนของตาฝังอยู่ข้างใน
- สับปะรดศรีราชา : รูปร่างกลมรี มีปลายจุกแหลม น้ำหนักผลอยู่ที่ประมาณ 1.5-3.5 กิโลกรัม มีไส้ใหญ่ตาค่อนข้างตื้น ถ้าผลสุกจะมีสีเขียวอิมเหลืองอมส้ม เนื้อจะละเอียด มีกลิ่นหอม รสชาติหวานฉ่ำ
- สับปะรดตราดสีทอง : สายพันธุ์ควีน มีคุณภาพดี ผลขนาดใหญ่ มีกลิ่นหอม รสชาติหวานมาก ผลจะรูปทรงกระบอกเปลือกบาง มีสีเขียวอมส้ม ถ้าผลแก่จะมีสีเหลือง
- สับปะรดห้วยมุ่น : สายพันธุ์ดีของ จังหวัดอุตรดิตถ์ เนื้อจะมีสีเหลืองอมน้ำผึ้ง รสชาติหวานฉ่ำ ตาจะไม่ลึก ทำให้มีส่วนของเนื้อมาก ผลจะค่อนข้างเล็ก มีน้ำหนักผลประมาณ 1-3 กิโลกรัม รับประทานแล้วไม่ระคายคอ
- สับปะรดภูแลเชียงราย : มีขนาดผลเล็ก มีน้ำหนักตั้งแต่ 0.15-1 กิโลกรัม เปลือกค่อนข้างหนา เหมาะสำหรับการขนส่งระยะไกล เมื่อสุกจะมีสีเหลือง มีกลิ่นหอมรสชาติหวานกรอบ สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี
- สับปะรดภูเก็ต : ลักษณะใบมีสีเขียวอ่อน มีแถบสีแดงบริเวณกลางใบ ผลรูปทรงกระบอกขนาดกลาง มีน้ำหนักตั้งแต่ 0.9-1.6 กิโลกรัม เนื้อมีสีเหลืองเข้มสม่ำเสมอ รสชาติหวานกรอบมีเยื่อใยน้อย แกนผลมีความกรอบมากแต่รับประทานได้
- พันธุ์เพชรบุรี 1 : มีขนาดใหญ่ น้ำหนักประมาณ 1.5-2 กิโลกรัม มีร่องตาที่ลึก คล้ายกับพันธุ์ตราดสีทอง เนื้อสีเหลืองเข้มตลอดผล มีเยื่อใยน้อย มีกลิ่นหอม แถมยังรสชาติหวาน
- พันธุ์เพชรบุรี 2 : นำสายพันธุ์เข้ามาจากฮาวาย มีขนาดผลใหญ่มาก ผลมีน้ำหนัก 2-4 กิโลกรัม ใบไม่มีหนาม เนื้อสีขาวฉ่ำน้ำ มีรสชาติหวานมาก
- พันธุ์ภูชวาหรือไซโก้เบอร์ 6 : ผลจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 1.2-1.5 กิโลกรัม มีผลอ่อนเปลือกสีเขียวอ่อน เมื่อสุกจะมีสีเหลืองทองสวยงาม เนื้อสีเหลืองทองตลอดผล มีกลิ่นหอมเนื้อนุ่มไม่มีเยื่อใย
- พันธุ์ MD2 : หรือพันธุ์เหลืองสายร้อยยอด สับปะรดลูกผสมจากฮาวาย, สหรัฐอเมริกา มีคุณสมบัติที่โดดเด่นเรื่องของรสชาติที่หวาน มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เนื้อมีสีเหลืองเข้มน่ารับประทาน [2]
ประโยชน์ที่ได้รับและข้อควรระวังเกี่ยวกับ สับปะรด
สับปะรดได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในการบริโภค อุดมไปด้วยสารอาหารมากมายและสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ ในการรับประทานผลนั้น สามารถทานได้หลายวิธี จะทานแบบสดๆ หรือจะนำไปประกอบอาหารคาวหวานก็ได้ ถึงจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลากหลายด้านก็ตาม แต่อย่าลืมว่าก็มีข้อเสียที่ควรระวังอยู่ ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้วย
ประโยชน์ของ สับปะรด ที่คุณอาจยังไม่รู้
สับปะรดผลไม้ที่มากไปด้วยวิตามินบี วิตามินซี รวมไปถึงธาตุเหล็ก กรดโฟลิก, โบรมีเลน มีส่วนช่วยในระบบย่อยอาหาร อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ มีสรรพคุณที่ช่วยบรรเทาและรักษาอาการหวัดได้ เมื่อพูดถึงรสชาติแล้ว ทานง่ายหวานอร่อย เหมาะสำหรับผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย จะมีประโยชน์อย่างไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย
- สารต้านอนุมูลอิสระ : ช่วยบรรเทาความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันที่เกิดจากอนุมูลอิสระจำนวนมาก จึงทำให้เกิดความเสียหายต่อเซลล์ ส่งผลให้สุขภาพภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
- มีส่วนช่วยในระบบย่อยอาหาร : มีสรรพคุณทางยาช่วยในการย่อยอาหาร ทำให้การย่อยอาหารประเภทเนื้อสัตว์ได้ง่ายขึ้น
- ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน : ประกอบไปด้วยวิตามิน, แร่ธาตุ, เอนไซม์หลายชนิด ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบได้
- ช่วยในการฟื้นฟูของร่างกาย : การทานสับปะรดนั้น อาจมีส่วนช่วยลดระยะเวลาในการฟื้นตัวจากการออกกำลังกายได้ เพราะในผลมีโบรมีเลน มีส่วนช่วยเร่งการฟื้นตัวของกล้ามเนื้อ ช่วยการลดการอักเสบบริเวณเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อที่เสียหายได้
- ช่วยในการลดน้ำหนัก : อีกหนึ่งตัวช่วยที่ดีในการลดน้ำหนัก เพราะเอนไซม์ของสับปะรดอาจช่วยในเรื่องการเผาผลาญไขมันได้ ทานแล้วอยู่ท้อง เหมาะสำหรับการนำมากินร่วมกับอาหารมื้อหลัก
- ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก : ในผลมีปริมาณของแมงกานีสที่มีสรรพคุณช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกได้
- ช่วยลดอาการอักเสบ : มีโบรมีเลน อาจช่วยลดการอักเสบกับอาการบวมซ้ำ รวมไปถึงช่วยลดความเจ็บปวดที่มักเกิดขึ้นหลังการผ่าตัด ได้อีกด้วย
- ช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็ง : สับปะรดมีวิตามินซีชั้นเยี่ยม ซึ่งวิตามินซีนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระที่แข็งแกร่ง จึงสามารถช่วยต่อต้านการก่อตัวของอนุมูลอิสระได้ เพราะอนุมูลอิสระเชื่อมโยงกับการก่อตัวของเซลล์มะเร็ง ผู้หญิงที่ทานสับปะรดจะมีฤทธิ์ที่ช่วยต่อต้านมะเร็งเต้านมได้
- ไฟเบอร์ในสับปะรดช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด : สับปะรดมีไฟเบอร์สูง หากทานเข้าไปไฟเบอร์จะช่วยต้านการจับกลุ่มกันของเกล็ดเลือด สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ นอกจากนี้ไฟเบอร์ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลให้กับผู้ป่วยเบาหวานได้ แต่ผู้ป่วยเบาหวานควรจำกัดปริมาณในการทาน เพราะสับปะรดมีน้ำตาลสูง
- ป้องกันโรคความดันโลหิตสูง : อีกหนึ่งผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูงสามารถช่วยลดความดันโลหิตได้ เนื่องจากโพแทสเซียมจะเพิ่มการขับน้ำกับโซเดียมออกจากร่างกาย ช่วยชะลอการสะสมของไขมันในเส้นเลือด รวมถึงช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตดี
- มีส่วนช่วยเรื่องระบบสืบพันธุ์ : อุดมไปด้วยแมงกานีสที่ให้พลังงานแก่ร่างกายจึงช่วยเพิ่มพลังงานได้ตลอดทั้งวัน มีโบรมีเลนที่ช่วยย่อยอาหาร แถมยังช่วยฟื้นฟูเซลล์ที่เพิ่มการไหลเวียนเลือด เนื่องจากการย่อยอาหารที่ดีขึ้นกับระดับพลังงานที่สูงขึ้น จึงส่งผลให้มีอดทนมากขึ้นระหว่างมีเพศสัมพันธ์ อีกทั้งยังช่วยรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย
- ช่วยให้ผิวแข็งแรง : มีวิตามินซี ถ้าทานแบบสดๆ จะสามารถช่วยต่อสู้กับความเสียหายของผิวที่เกิดจากแสงแดด ช่วยลดเลือนริ้วรอย รวมไปถึงช่วยในการสร้างคอลลาเจนให้กับผิวหนัง ปรับปรุงสภาพผิวโดยรวมให้ดีขึ้น
จะเห็นได้ว่าสรรพคุณของสับปะรดนั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะช่วยในเรื่องของระบบภายในร่างกายแล้ว ยังช่วยในเรื่องของผิวพรรณได้อีกด้วย เหมาะสำหรับคุณที่หญิงที่รักสวยรักงามอย่างมาก ถือว่าไม่ควรพลาดในการบริโภค [3]
ข้อควรระวังในการรับประทาน สับปะรด
สับปะรดถึงแม้จะมีประโยชน์อยู่มากมายก็ตาม ถ้าจะให้ดีต่อสุขภาพนั้นควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม มีความพอดี รวมถึงผู้ที่ต้องระมัดระวังอย่างพิเศษ คือคุณแม่ที่ตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร รวมไปถึงผู้ป่วยจากการผ่าตัดใหม่ ดังนั้นควรมีข้อระวัง ดังต่อไปนี้
- การทานสับปะรดอาจทำให้รู้สึกระคายเคือง : มีอาการคันบนลิ้น เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราสับสนระหว่างโปรตีนในสับปะรดกับละอองเกสรดอกไม้หรือสารก่อภูมิแพ้อื่นๆ
- การทานสับปะรดในปริมาณที่มากเกินไป : อาจทำให้เกิดอาการเสียวฟันหรือฟันผุได้ เนื่องจากมีกรดสูงอาจทำให้เกิดกระบวนการทางเคมีในปากเมื่อกินเข้าไป หากรักษาสุขอนามัยช่องปากไม่ดีพออาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการเสียวฟันหรือฟันผุได้ อีกทั้งในสับปะรดมีเอนไซม์อย่างโบรมีเลน ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ ทำให้บางคนมีอาการแพ้ได้
- โบรมีเลนมีคุณสมบัติในการต้านการแข็งตัวของเลือด : ก่อให้เกิดการเพิ่มความเสี่ยงต่อการตกเลือดได้ หากทานร่วมกับยาโลหิตจาง อาจส่งผลให้มีอาการคลื่นไส้, อาเจียน, ท้องเสีย, ปวดท้อง รวมไปอาหารไม่ย่อย
- โบรมีเลนในสับปะรดอาจเพิ่มการดูดซึมยาปฏิชีวนะบางชนิด : เช่น อะม็อกซีซิลลินกับเตตราไซคลีน ที่ส่งผลกระทบอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงในบางคน โดยมีอาการดังนี้ เช่น เจ็บหน้าอก, คัดจมูกเป็นเลือด, หนาวสั่น, มีไข้ รวมไปถึงเวียนศีรษะ
- ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร : ถึงแม้ยังไม่มีข้อมูลสนับสนุนที่เพียงพอเกี่ยวกับอันตรายจากการทานสับปะรดในผู้ที่ตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร แต่ผู้บริโภคควรระมัดระวังการทานในปริมาณที่พอดี เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงต่อทารก
- ผู้ป่วยผ่าตัด : ในสับปะรดมีสารโบรมีเลน ที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะมีเลือดออกทั้งในระหว่างการผ่าตัดหรือหลังการผ่าตัด ดังนั้น ควรหยุดบริโภค อย่างน้อย 2 สัปดาห์เพื่อความปลอดภัยต่อตัวคุณ
ส่วนผู้ป่วยภูมิแพ้หรือมีภาวะภูมิไวเกิน ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคสับปะรด หลีกเลี่ยงสารที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ในลักษณะเดียวกันได้ เช่น แครอท, ข้าวสาลี, ผักชีฝรั่ง เป็นต้น ผู้ป่วยท่านใดไม่แน่ใจเกี่ยวกับสิ่งที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ ควรปรึกษาแพทย์ให้ดีก่อนบริโภค [3]
สรุป สับปะรด อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ การทานในปริมาณที่เหมาะสม ส่งผลดีต่อสุขภาพ
สับปะรด ผลไม้เนื้อสีเหลืองที่อุดมไปด้วยสารอาหารและวิตามินมากมาย มีรสชาติหวานอมเปรี้ยวฉ่ำน้ำ ทานแล้วสดชื่น บริโภคได้ทั้งทุกเพศทุกวัย นอกจากจะมีประโยชน์แล้ว แต่อย่างไรก็ตามอย่าลืมว่า มีผลดีก็ต้องมีผลเสียตามมาได้เช่นกัน ดังนั้นผู้บริโภคควรทานในปริมาณที่เหมาะสม คำนึงถึงปัจจัยทางสุขภาพของตัวเองเป็นหลัก เพื่อความปลอดภัยและส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายที่ดี
อ้างอิง
[1] disthai. (2017). สับปะรด ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่นๆ และข้อมูลงานวิจัย. Retrieved from disthai
[2] thaipbs. (June 20, 2018). รู้จัก 14 สายพันธุ์สับปะรดปลูกในไทย. Retrieved from thaipbs
[3] nutrilite. (2019). 12 ประโยชน์ของสับปะรด ผลไม้อุดมสารต้านโรค. Retrieved from nutrilite