ตารางฝึกวิ่ง สำหรับหน้าใหม่และผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพ รวมไปถึงการลดน้ำหนักและความแข็งแรงของร่างกาย สำหรับการเริ่มต้นไม่มีคำว่าสาย ไม่ว่าจะอยู่เพศไหนหรืออยู่วัยใด เราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน รวมไปถึงผู้สูงอายุ
การออกกำลังกายด้วย การวิ่ง หรือ เดิน ส่งผลดีให้กับเลือดลม หัวใจ ห่างไกลโรค ซึ่งทำได้ง่ายๆไม่ต้องใช้อุปกรณ์ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก รองเท้าคู่ใจสักคู่ก็สามารถเริ่มต้นได้แล้ว
มีตารางฝึกวิ่ง เป็นการเริ่มต้นที่ดี คือการมีเป้าหมายที่ชัดและสามารถทำให้เรา บรรลุถึงเป้าหมายได้ง่ายขึ้นอีกด้วย เพราะภาพที่ชัดเจนจะทำให้เราโฟกัสตรงจุด สำหรับมือใหม่แล้วการมีตารางอย่างชัดเจนเพื่อให้เราได้วิ่งตามตาราง จึงมีประโยชน์อย่างมากและจำเป็นอย่างยิ่ง ทั้งภาพรวมในการวิ่ง ตารางการพักผ่อน และเป้าหมายของคุณก็จะถึงได้โดยง่าย
การเตรียมตัวนั้นไม่ยากเลย เมื่อกายพร้อม ใจพร้อม มีชุดกีฬาสักชุด รองเท้าคู่ใจสักคู่ แต่ต้องเป็นรองเท้าวิ่งนะ เพราะจะช่วยถนอมเท้า ลดแรงกระแทกหัวเข่าและสามารถวิ่งได้ดีขึ้น หลังจากนั้นมีการยืดเส้นยืดสายเพื่อลดอาการบาดเจ็บ ก็สามารถทำตามแบบแผนตารางฝึกวิ่งได้เลย
ซึ่งใน ตารางฝึกวิ่ง ขั้นเริ่มต้นไม่ได้ให้วิ่งอย่างเดียว วิ่งแบบตะบี้ตะบัน จะเน้นให้ วิ่ง สลับ เดิน เพื่อให้ร่างกายได้คุ้นชินก่อน เช่น เดิน 3 นาที วิ่ง 1 นาที สลับกันไปในวันแรก และระยะเวลาในการวิ่งก็มีความสำคัญเหมือนกัน กำหนดเวลาที่เหมาะสมและเหมาะกับช่วงวัยของผู้ที่จะวิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ หรือวัยชรา ทุกคนสามารถวิ่งได้มีสุขภาพแข็งแรงได้ เพียงแค่ออกกำลังกายวันละ 30 นาที ถึง 60 นาที เท่านั้น
สำหรับการออกกำลังกายหรือการเล่นกีฬาต่างๆ นอกจากจะได้ประโยชน์ต่อสุขภาพแล้วหากออกกำลังกายเยอะเกินไป ไม่มีวันหยุดพักออกกำลังกายระยะเวลาหลายชั่วโมง ติดต่อกันนานๆแทนที่จะมีประโยชน์ต่อร่างกาย อาจจะมีผลเสียต่อร่างกายมากกว่า
ดังนั้นในตารางฝึกวิ่งจึงต้องมีวันหยุดพัก เพื่อไม่ให้หักโหมจนเกินไปเพราะไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อเซลล์ต่างๆในร่างกาย รวมไปถึงอาการบาดเจ็บ อาการอักเสบร่างกายจะได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ฟื้นฟูให้กลับมาดีกว่าเดิมและยังให้ประโยชน์มากกว่าการไม่พักอีกด้วย [1]
การมีเป้าหมายและการท้าทายย่อมทำให้ประสิทธิภาพ ของการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพดีขึ้น โดยการวิ่งตามตารางฝึกวิ่ง หากว่าวิ่งกับเพื่อน ทำกันเป็นกลุ่มและ Challenge ตัวเอง รับรองว่าการออกกำลังกายจะมีความสุขและความสนุกสนานขึ้น รวมไปถึงมีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมแน่นอน
เริ่มต้นด้วยตารางฝึกวิ่งที่มีความต่อเนื่อง มีความยืดหยุ่นและเห็นผลได้เสริมสร้างความอดทน และเสริมสร้างพละกำลังของกล้ามเนื้อ สภาวะปอด หัวใจ และความดันเลือดด้วยตารางฝึกวิ่งง่ายๆดังนี้
มีการพัฒนาและทำตามตารางทุกๆวัน ภายใน 30 วันตัวผู้วิ่งเอง จะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายเป็นอย่างดี และนอกจากจะออกกำลังกายต้องทานอาหารที่ดี เลือกของที่มีประโยชน์จึงจะเกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดขึ้นกับร่างกาย [2]
สำหรับผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีอายุมากหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว สามารถปรึกษาแพทย์ประจำตัว และจัด ตารางฝึกวิ่ง ของตัวเอง ต้องมีการดูแลเคสบายเคส ในการวิ่งที่ว่าจะเปลี่ยนเป็นการ “เดินช้า” สลับกับ “เดินเร็ว” เพราะต้องคำนึงถึง กระดูก ไขข้อ เลือดลมและอื่นๆ สำหรับผู้สูงอายุที่แข็งแรง เริ่มต้นจากเดินช้าสลับเดินไวจะทำให้ร่างกายแข็งแรง และเมื่อร่างกายแข็งแรงคุ้นชินแล้วก็สามารถเริ่มฝึกวิ่งได้
สำหรับใครที่เริ่มต้นและกำลังออกวิ่งตามตารางฝึกวิ่งอยู่ หากมีอาการบาดเจ็บหรือมีสิ่งต่างๆก็ให้หยุดวิ่งก่อน สำรวจตัวเองและพักผ่อนหรือปรึกษาแพทย์ เช่น ปวดข้อเท้า เจ็บหัวเข่า ปวดกล้ามเนื้อหน้าขา ปวดหลังหลัง เอ็น และกระดูก การลดอาการบาดเจ็บ สามารถยืดเส้นยืดสาย ยืดหยุ่นกล้ามเนื้อ มีการบริหารร่างกายทั้งก่อนและหลังก่อนออกวิ่ง ซึ่งเป็นการป้องกันอุบัติเหตุและการบาดเจ็บได้เป็นอย่างดี
ในการออกกำลังกายหรือการวิ่งในแต่ละบุคคล จะมีตารางฝึกวิ่งเป็นของตัวเองซึ่งต้องเลือกให้เหมาะสม ทั้งอายุ ภาพแข็งแรงของร่างกายหรืออื่นๆ หากใครที่ยังไม่ได้เริ่มต้นและยังเป็นมือใหม่ ที่ยังไม่ได้เริ่มต้นวิ่งออกกำลังกายเลย การวิ่งแบบมีตารางจะทำให้บรรลุเป้าหมายได้ง่ายและไม่เหนื่อยจนเกินไป มีหลักการในการวิ่ง ค่อยๆเพิ่มความแข็งแรง ทนทาน ของร่างกาย รับรองว่าจะมีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดี และอยู่อย่างเฮลตี้ไม่มีโรคภัย
[1] pptvhd36. (March 30, 2024). ทำไมต้องมีวันหยุด เช็กสัญญาณที่บ่งบอกให้พัก. Retrieved from pptvhd36
[2] ss-running. (March 30, 2019). ตารางฝึกซ้อมจากฝึกเดินจนวิ่งได้ สำหรับผู้เริ่มวิ่ง. Retrieved from ss-running
น้ำตาลภัยร้าย อย่างที่คำโบราณเขากล่าวไว้ว่า หวานเป็นลมขมเป็นยา ในปัจจุบันที่มนุษย์เรามีการหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น และเริ่มระแวดระวังถึงภัยร้ายใกล้ตัวที่มาในรูปแบบ “ภัยเงียบ” ซึ่ง “น้ำตาล” หากกินมากเกินไปก็อันตรายมากกว่าที่คิด และสามารถเป็นการเสพติดความหวานได้ เราจะมีวิธีการป้องกันแก้ไขและกินน้ำตาลอย่างไร เพื่อให้ไม่เป็นอันตรายและยังสุขภาพดี
น้ำตาล ที่ถูกจัดว่าเป็น “น้ำตาลภัยร้าย” คือน้ำตาลที่เรากินเข้าไปจนมากเกินพอดี แล้วต้องกินน้ำตาลได้ขนาดไหนล่ะ ถึงเรียกพอดี ซึ่งเราอาจจะเคยได้ยินได้ฟังมาบ้าง น้ำตาลควรกินวันละไม่เกิน 3-6 ช้อนชา หลายคนยัง “เอ๊ะ” เราไม่ได้กินน้ำตาลเป็นช้อนๆ เยอะขนาดนั้น แต่!! น้ำตาลจะมาในรูปแบบแฝง เช่น ชานมไข่มุก ชาเย็น ขนมขบเคี้ยว นม น้ำผลไม้ อาหาร และเครื่องดื่มอื่นๆ
ซึ่งหากเราพลิกหลังกล่อง เราจะเห็นได้ว่าเราได้รับน้ำตาลไปเยอะขนาดไหน หรือชานมไข่มุกแต่ละแก้ว คุณได้รับน้ำตาลไปมากน้อยเท่าไหร่ เมื่อเรากินในปริมาณที่เกินกว่าที่ร่างกายต้องการ น้ำตาลจะถูกเก็บสะสมในร่างกาย ไม่ถูกนำไปใช้เป็นพลังงาน ซึ่งจะเป็นตัวก่อให้เกิดโรคต่างๆ และทำให้ผู้ที่ได้รับน้ำตาลในปริมาณมากอ้วนขึ้นอีกด้วย
น้ำตาล ที่ถูกจัดว่าเป็น น้ำตาลภัยร้าย มีความอันตรายบ่อนทำลายสุขภาพ และเป็นสาเหตุของโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ สาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมการกินของคนในยุคปัจจุบัน ซึ่งมีขนมเคลือบน้ำตาล อาหาร เครื่องดื่ม ของอร่อยต่างๆ ที่มีส่วนผสมของน้ำตาลเป็นจำนวนมาก และเกินขนาดที่ร่างกายจะต้องใช้งาน
ปฏิเสธไม่ได้ว่าน้ำตาลนั้นแสนอร่อย ให้ความสดชื่น หวานฉ่ำ อร่อย กินแล้วมีความสุข อาหารแทบทุกประเภทซึ่งจะส่งผลเสียโดยตรงต่อร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกัน อินซูลิน ความแก่ก่อนวัยและอื่นๆอีกมาก
การกิน “น้ำตาล” ถือว่าเป็นอีกหนึ่งภัยร้ายที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ทราบ ในปัจจุบัน 2024 คนได้ตระหนักถึงสุขภาพ จึงได้มีการออกมาพูดออกมาเตือนและการแชร์ความรู้เกี่ยวกับเจ้า น้ำตาลภัยร้าย ที่สามารถทำร้ายสุขภาพ ของคนที่กินเกินปริมาณมากๆ และเพื่อสุขภาพที่ดี จึงมีการตระหนักถึงผลเสียที่เกิดขึ้นกับร่างกาย อาทิเช่น
การกินน้ำตาลบ่อยๆกินน้ำตาลในปริมาณมาก สามารถทำให้ผู้ที่กินเข้าไปมีอาการเสพติดและเกิดอาการติดน้ำตาลได้ และยังส่งผลต่ออารมณ์อีกด้วย เรียกได้ว่าเสียทั้งสุขภาพจิตเสียทั้งสุขภาพร่างกาย แต่หากว่ากินแต่พอเหมาะเลือกกินแต่พอดี ก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายน้อยลงหรือไม่ส่งผลเสียเลย
จริงอยู่ที่ว่าน้ำตาลเป็นภัยร้ายเงียบ และหลายๆครั้งน้ำตาลก็เป็นผู้ร้ายในการเกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ ซึ่งน้ำตาลถูกจัดกลุ่มได้หลายประเภท ทั้งน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวและโมเลกุลคู่ อีกยังถูกแบ่งไปอีก 9 หมวดหมู่ น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายแดง น้ำตาลทรายธรรมชาติ น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลอ้อย น้ำตาลกรวด น้ำตาลไอซิ่ง น้ำตาลก้อน และน้ำตาลโตนด
น้ำตาลทุกชนิดหากไม่ได้กินในปริมาณมากก็จะไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย เราสามารถเลือกกินได้และเราสามารถเลือกปริมาณการกินได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา
อย่างที่เราทราบกันว่า น้ำตาลจากแหล่งธรรมชาติและน้ำตาลที่ถูกนำมาทำเป็นแบบสำเร็จรูป จะมีลักษณะที่แตกต่าง กินน้ำตาลให้ถูก กินน้ำตาลให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพน้อยที่สุดดังนี้
เลือกชนิดของน้ำตาล กินน้ำตาลอย่างพอเหมาะในแต่ละวัน น้ำตาลที่คุณกินเข้าไปก็จะไม่กลายเป็นน้ำตาลภัยร้าย ที่คอยทำลายสุขภาพ [2]
ถึงน้ำตาลยังคงเป็นน้ำตาลภัยร้ายที่ควรเฝ้าระวังและดูปริมาณก่อนการกินเสมอ แต่ตัวช่วยที่ดีและทำให้สุขภาพดีขึ้น ทั้งสุขภาพร่างกาย สุขภาพจิตใจ แถมยังสามารถเผาผลาญพลังงาน กำจัดน้ำตาลส่วนเกินออกได้ นั่นก็คือ “การออกกำลังกาย” ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การวิ่ง การเวทเทรนนิ่ง ออกกำลังกายแบบกลุ่ม เล่นกีฬา หรือแม้กระทั่งทำงานบ้าน คุณก็สามารถช่วยเผาผลาญพลังงานและไม่ให้เกิดน้ำตาลสะสมจนกลายเป็นไขมัน และส่งผลเสียต่อสุขภาพซึ่งจะทำให้ทุกๆคนมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน
[1] thaihealth. (September 30, 2022). กินหวานมากไปส่งผลอะไรกับร่างกายบ้าง. Retrieved from thaihealth
[2] hdmall. (2024). น้ำตาลชนิดไหนบ้างที่ดีต่อร่างกายมีประโยชน์อย่างไร. Retrieved from hdmall
[3] watsons. (2024). 5 วิธีลดน้ำตาลด้วยตัวเองได้ง่ายๆแถมได้สุขภาพ. Retrieved from watsons
สุขภาพดี ใครๆก็อยากได้ แต่เรื่องสุขภาพจะดีหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับตัวของแต่ละคน ซึ่งในปัจจุบันนี้คนหันมาใส่ใจในสุขภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ การออกกำลังกาย การดูแลสุขภาพ และการดูแลสุขภาพจิต เพื่อให้ไม่มีโรคภัยมากล้ำกราย
เพราะปัจจุบันคนในบ้านเราเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายต่างๆเพิ่มมากขึ้นในทุกๆปี ดังนั้นเทรนสุขภาพจึงไม่แพ้เทรนยอดฮิตต่างๆ ในปี 2024 นี้เลย
การตระหนักถึงสุขภาพของตัวเอง และอยากมีความสุขในการใช้ชีวิต โดยมีชีวิตที่ยืนยาว ต้องหันมาใส่ใจตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ พูดถึงการมี สุขภาพดี จะรวมไปถึงสุขภาพใจ สุขภาพกาย อารมณ์ และความรู้สึก ถ้าในทุกๆด้านดีจะส่งผลให้การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างราบรื่น รวมไปถึงห่างไกลจากโรคร้าย อยู่กับคนที่เรารักได้อย่างยาวนาน
ลักษณะที่บ่งบอกว่าคุณเป็นคนที่มีสุขภาพดีไม่แพ้ใคร สังเกตได้จากสิ่งต่างๆเหล่านี้
ใส่ใจสุขภาพวันนี้ หมั่นดูแลตัวเองสร้างนิสัยการกิน มีแต่ใจที่เบิกบาน นอนหลับง่าย ร่างกายแข็งแรงและเข้ารับการตรวจสุขภาพทุกปี รับรองว่า คุณจะมีสุขภาพแข็งแรงห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ คุณจะเป็นคนที่มีชีวิตที่ดีและมีความสุขมากๆ
การมีร่างกายที่แข็งแรงนอกจากจะเป็นคนที่มี สุขภาพดี ยังเพิ่มความมั่นใจให้แก่ตัวเราอีกด้วย ซึ่งการออกกำลังกายนั้นช่วยบริหารกล้ามเนื้อ เผาผลาญไขมัน ลดน้ำหนัก และเป็นการผ่อนคลาย หลังจากที่เราออกกำลังกายนั้นจะมีการหลั่งสารเอ็นโดรฟิน จะช่วยทำให้เรารู้สึกสุขใจ โล่งปลอดโปร่ง ตัวเบาและสบายตัว การออกกำลังกายนั้นไม่ใช่เรื่องยากมีทั้งการออกกำลังกายเป็นกลุ่ม เช่น กีฬาต่างๆ หรือการออกกำลังกายเดี่ยว สามารถเลือกได้ตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนได้เลย
ไม่ใช่ว่าทุกคนจะชอบเข้าฟิตเนสนั่งยกเหล็ก และไม่ใช่ทุกคนจะชอบไปเตะบอล ขอบอกตรงนี้เลยว่าการออกกำลังกายนั้นสนุก และมีหลายประเภทมากๆ โดยสามารถแบ่งประเภทการออกกำลังกายเป็นกลุ่มใหญ่ๆได้ดังนี้
นอกจากที่กล่าวมาเบื้องต้นแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้การออกกำลังกายแต่ละรูปแบบนั้นก็คือ การยืดเส้นยืดสาย การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ควรยืดเส้นก่อนออกกำลังกายและหลังออกกำลังกาย เพื่อลดอาการบาดเจ็บ ลดอาการปวดเมื่อย เลือดลมไหลเวียนดี จึงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ [2]
สุขภาพดีไม่มีขายต้องเน้นการดูแล และการเสริมสร้างสุขภาพอยู่สม่ำเสมอ โดยเฉพาะการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ วิตามิน โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และเกลือแร่ โดยให้กินสัดส่วนอย่างเหมาะสม เน้นอาหารที่มีประโยชน์และส่งผลดีต่อสุขภาพ รับรองว่าคุณจะเป็นหนึ่งคนที่แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ
การเลือกทานอาหาร จะส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพ วันนี้เรามีทริคเล็กๆน้อยๆ ในการเลือกกินอาหารมาฝากกัน ดังนี้
สร้างสุขภาพดีต้องทำให้ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพกาย การออกกำลังกาย ให้ร่างกายแข็งแรงเสมอ หรือว่าสุขภาพใจ ฝึกนั่งสมาธิ การเล่นโยคะ มีความคิดเชิงบวก รับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกตัวเองเสมอ และต้องทานอาหารที่มีประโยชน์ ตามหลักโภชนาการ ครบ 5 หมู่ สุขภาพคุณจะแข็งแรง และอารมณ์ไม่ตึงเครียดจนเกินไป
[1] CityFreshFruit. (May 6, 2016). 10 ลักษณะของคนสุขภาพดี. Retrieved from CityFreshFruit
[2] primocare. (May 9, 2024). 4 ประเภทของการออกกำลังกายตอบโจทย์สุขภาพดีแบบครบเครื่อง. Retrieved from primocare
การทำ IF หรือ การทำ Intermittent Fasting เชื่อว่าแทบทุกคนต้องเคยได้ยินมาบ้าง โดยเป็นการกินอาหารที่จำกัดเวลากิน ซึ่งเชื่อว่าสายสุขภาพสาย Healthy และคนที่ต้องการลดน้ำหนัก คุ้นเคยกับการ IF เป็นอย่างดี โดยปัจจุบันวิธีนี้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย นอกจากจะทำให้สุขภาพดีมีรูปร่างที่ดี และยังทำให้เกิดกระบวนการชะลอวัย ทำให้ผู้ที่ดูแลสุขภาพด้วยวิธีนี้หน้าเด็กขึ้นอีกด้วย
คือ การกินแบบจำกัดเวลา หรือการอดอาหารเป็นช่วงเวลา ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพ อวัยวะภายใน รวมไปถึงเซลล์ เพราะการจำกัดการกิน กินตามช่วงเวลาที่กำหนดไว้จนเป็นรูทีน ทำให้กระบวนการของร่างกายทำงานได้ดียิ่งขึ้น และงดการทานจุกจิกได้ ทำให้ร่างกายของเราดึงพลังงานที่เหลือเก็บมาใช้ ดึงพลังงานไขมันที่สะสมในร่างกายมาใช้เผาผลาญ
เพราะในช่วงระยะเวลาที่เรางดการทานอาหาร ประมาณ 7 ถึง 8 ชั่วโมง ระดับอินซูลินจะลดลงและระดับโกสฮอร์โมน (ฮอร์โมนที่ผลิตจากต่อมใต้สมอง โดยมีผลต่อเซลล์และอวัยวะในร่างกาย) จะสูงขึ้น ซึ่งทีนี้แหละจะทำให้เราเบิร์นไขมันเก่า กำจัดเผาผลาญไขมันแก่ เกิดกระบวนการฟื้นฟูเซลล์เก่า และสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทำให้เราอ่อนวัยขึ้นนั่นเอง
กฎของการฟาสติ้ง หรือ IF ไม่มีตายตัว ซึ่งสามารถปรับได้ตามการใช้ชีวิตของแต่ละคน และการทำ IF ยังสามารถแบ่งได้หลายๆประเภท ซึ่งสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมของแต่ละคน โดยหลักแล้วจะแบ่งประเภทต่างๆได้ดังนี้
ทั้งนี้ทั้งนั้น การฟาสติ้งแต่ละประเภทควรศึกษาข้อมูลก่อน และเลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด หากมีโรคประจำตัวให้ปรึกษาคุณหมอก่อน จึงจะทำให้การดูแลสุขภาพไม่ใช่การทำร้ายสุขภาพนั่นเอง
เทรนรักสุขภาพและสายเฮลตี้ ต้องเลือกวิธีการดูแลตัวเองให้เหมาะสม ซึ่งไม่ใช่ว่าทุกวิธีจะเหมาะกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการอดอาหาร การออกกำลังกาย การกินคลีน การกินวีแกน การทำคีโต และอื่นๆ ซึ่งใน การทำ IF ก็ต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายๆอย่างเข้าประกอบ หากทำผิดวิธี หรือไม่เหมาะกับเฉพาะกลุ่มอาจส่งผลเสียและเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
สำหรับคนที่มีโรคประจำตัวหรือมีความดัน ไขมัน เบาหวาน และคนที่มีน้ำหนักตัวต่ำเกินเกณฑ์ ไม่ควรเริ่มต้นทำ IF ควรปรึกษาคุณหมอหรือแพทย์ประจำตัวที่ดูแลอยู่ ซึ่งมาดูกันว่ากลุ่มไหนบ้างที่ไม่ควรฟาสติ้งด้วยการทำ IF ดังนี้
สำหรับมือใหม่ที่ต้อง การทำ IF สิ่งสำคัญเลย ต้องศึกษาข้อมูลเพราะข้อมูลเป็นอันดับ 1 ที่ไม่ว่าใครก็ตาม ต้องมีความรู้ก่อนจะลงมือทำ และเลือกรูปแบบการฟาสติ้งที่เหมาะสมกับตัวเอง สำหรับมือใหม่เลยให้เริ่มต้นจากง่ายๆก่อน เช่น ใช้ในรูปแบบ 16/8 ซึ่งจะส่งผลดีต่อร่างกายและสามารถทำได้ง่าย
ในการเลือกกินอาหารควรเลือกอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ และเลือกกินแต่ของดีไม่กินอาหารที่มีไขมันสูง ลดน้ำตาลลง ดื่มน้ำให้มาก 1,500 ถึง 3,000 มิลลิลิตร และสามารถซื้อวิตามินเสริมแมกนีเซียม โพแทสเซียม เพื่อป้องกันการขาดวิตามินบางตัวได้ [2]
จากผลวิจัยต่างๆและข้อมูลทางด้านสุขภาพในการทำ IF จะส่งผลให้สุขภาพดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านน้ำหนักตัวที่ลดลง ระดับไขมันในร่างกายลดน้อยลง ส่งผลต่อสมองทำให้ความจำดีขึ้น ความดันโลหิตลดลง ลดการเกิดไขมันพอกตับ ควบคุมความหิวได้ ลดการทานจุกจิก ระดับอินซูลินเป็นปกติ ลดภาวะการเกิดหลอดเลือดแข็ง ลดการอักเสบของเซลล์ในร่างกาย
และที่สำคัญสามารถทำให้อ่อนเยาว์ลงได้ เพราะทำให้กลไก autophagy ซึ่งเป็นกระบวนการฟื้นฟูเซลล์ เซลล์เก่าจะสลายไปและเซลล์ใหม่มาทดแทนทำให้เราอ่อนเยาว์ หน้าเด็กขึ้นทั้งคุณผู้หญิงและคุณผู้ชาย
ในยุคปัจจุบันนี้คนทั่วโลกหันมาใส่ใจสุขภาพและการทำ IF ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ไม่ว่าจะอยู่ในสายลดน้ำหนัก การดูแลสุขภาพและการกินอาหารที่ดี จะมีการทำฟาสติ้งควบคู่กันไปด้วยเสมอ ซึ่งเป็นที่นิยมกันในหลายๆประเทศรวมไปถึงในประเทศไทย หากใครกำลังดูแลสุขภาพหรือลดน้ำหนักอยู่ การทำฟาสติ้งถือเป็นตัวช่วยที่ดีอันดับแรกๆ หากทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกายและการกินอาหารคลีน กินอาหารต้นทางรวมไปถึงการดูแลตัวเอง ยิ่งส่งผลให้สุขภาพดีและอายุยืนนั่นเอง
อ้างอิง
[1] ketomate. (November 10, 2021). 6 รูปแบบการทำฟาสติ้ง. Retrieved from ketomate
[2] nutrilite. (2019). ทำ IF คืออะไร? เหมาะกับใคร? ข้อควรระวังก่อนทำ IF. Retrieved from nutrilite