สำหรับแฟนบอลทั่วโลกที่ชื่นชอบกีฬาฟุตบอลน่าจะคุ้นเคยกับชื่อ คาราบาวคัพ เป็นอย่างดี เพราะว่าชื่อนี้เป็นชื่อที่ได้ยินบ่อยๆ เรียกได้ว่าลีกการแข่งขันฟุตบอลที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก ซึ่งชื่อนี้มีประวัติความน่าสนใจไม่น้อย ฉะนั้นวันนี้จึงอยากพาทุกคนไปทำความรู้จักกับบอลคาราบาวคัพหรืออีเอฟแอลคัพ ว่าก่อนที่จะมาถึงจุดนี้ได้ มีที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง
ในนามคาราบาวคัพเป็นชื่อฟุตบอลถ้วยที่ทุกคนรู้จักกันดีโดยเฉพาะกลุ่มของแฟนบอลทั่วโลก ซึ่งมีจุดเริ่มต้นบริษัทคาราบาวกรุป จำกัด (มหาชน) ที่อยู่ในประเทศไทยของเรา ได้ไปทำสัญญาเป็นผู้สนับสนุนฟุตบอล ‘ลีกคัพ’ อย่างเป็นทางการ
อีกทั้งเครื่องดื่มคาราบาวที่คนไทยกินกันอยู่ทุกวันนี้อย่าง ได้เซ็นสัญญาในการเป็น ‘First partner’ ในปี 2017 กับสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (EFL) และหลังจากนั้นก็มีการเปลี่ยนชื่อลีกการแข่งขันจากชื่อเดิม ‘ลีกคัพ’ เป็น ‘คาราบาวคัพ’ อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ฤดูกาลที่ 2017-2018 เป็นต้นมา [1]
หลังจากทางคาราบาวคัพได้กลายเป็นผู้สนับสนุนหลักให้กับสมาคมฟุตบอลอังกฤษอย่างเป็นทางการ โดยที่สัญญามีระยะเวลาเบื้องต้น 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2017-2020 ต่อมาในปี 2019 ทางบริษัทได้ตัดสินใจขยายสัญญาเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างต่อเนื่อง ยาวไปอีก 2 ปี
ซึ่งก็คือปี 2020 – 2022 มีจุดไคลแม็กซ์ของฤดูกาลแข่งขันปี 2021-2022 ที่กำลังจะเกิดใน ‘นัดชิงชนะเลิศ’ วันที่ 27 กุมภาพันธ์นี้ระหว่างการพบกันของ ‘ลิเวอร์พูล -เชลซี’ 2 ทีมฟุตบอลชั้นนำของพรีเมียร์ลีก ที่เหล่าแฟนบอลต่างตั้งหน้ารอคอย ก็ยิ่งเป็นการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ Carabao Cup ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้นด้วย [1]
ในการแข่งขันบอลคาราบาวคัพ จะปรากฏสัญลักษณ์ในสื่อหลายแบบ เนื่องจากว่าทางคาราบาวได้ประกาศเป็นสปอนเซอร์ชื่ออย่างเป็นทางการให้กับถ้วยฟุตบอลจากเกาะอังกฤษ ซึ่งมีมูลค่าถึง 18 ล้านปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 700 ล้านบาท ดังนั้นจึงแปลกที่เรามักจะได้เห็นสัญลักษณ์ต่างๆของคาราบาวดังนี้
ในการแข่งขันบอลคาราบาวคัพหรือบอลอีเอฟแอลคัพ มีรูปแบบการแข่งขันเป็นแบบแพ้แล้วคัดออก ทีมไหนที่ชนะก็มีสิทธิ์เข้ารอบเพื่อชิงถ้วย โดยทีมที่สามารถเข้าร่วมได้จำนวน 92 ทีม แบ่งเป็นมาจากพรีเมียร์ลีก 20 ทีม มาจากลีกของแชมเปียนชิปลีกวันกับลีกทูอีกจำนวน 72 ทีม อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้ทีมที่ไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก สามารถเข้าร่วมแข่งขันกับทีมใหญ่ๆได้ด้วย
การแข่งขันบอลคาราบาวคัพถูกแบ่งออกเป็น 7 รอบ แต่ละรอบจะมีรายละเอียดการแข่งที่แตกต่างกันออกไป ดังรายละเอียดต่อไปนี้
รอบแรก : เป็นการแข่งขันของสโมสรในอังกฤษจำนวนทั้งหมด 72 ทีม จากลีกแชมเปียนชิปลีกวันและลีกทู โดยทำการแข่งขันกันจากผลแพ้ชนะในแมตช์นั้นเลย ในรอบนี้จะไม่มีนัดเหย้านัดเยือน ทำการแข่งขัน 90 นาที หากผลเสมอกันจะมีการต่อเวลาพิเศษ แต่ถ้ายังไม่รู้ผลแพ้ชนะก็จะทำการดวลจุดโทษ ซึ่งมีความแตกต่างจากการแข่งเอฟเอคัพ เพราะต้องแข่งใหม่
รอบที่สอง : เป็นการแข่งขัน 12 ทีม จากพรีเมียร์ลีกที่ไม่ได้เข้าแข่งยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกหรือยูฟ่ายูโรปาลีก โดยทำการแข่งขันกันตามกติกาเหมือนกับการแข่งรอบแรกทุกประการ
รอบที่สาม : เป็นการแข่งขัน 8 ทีม ซึ่งได้เข้าแข่งในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกหรือยูฟ่ายูโรปาลีก ทำการแข่งขันกันนับได้ว่าการแข่งขันทั้ง 3 รอบแรกนั้น เป็นการแบ่งที่มีความเหมาะสมสมดุลกันอย่างมาก เนื่องจากให้ทีมที่มีระดับเดียวกันได้แข่งขันก่อนนั่นเอง
รอบที่สี่ : เป็นการแข่งขันรอบ 16 ทีมสุดท้าย เป็นการจับฉลากทีมที่ผ่านเข้ารอบทั้งหมด 16 ทีมมาเจอกัน ซึ่งต้องอาศัยการวัดดวงว่าทีมไหนจะได้เจอกับทีมไหน บางทีทีมใหญ่เจอทีมเล็กหรือทีมใหญ่ชนทีมใหญ่ก็ได้
รอบที่ห้า : เป็นการแข่งขันรอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยทีมที่ชนะในรอบ 16 ทีม จะถูกจับฉลากอีกครั้ง แต่ในรอบนี้จะมีการแบ่งเป็นสาย ซึ่งจะรู้ได้ทันทีว่าเมื่อชนะแล้วนัดต่อไปจะเข้าไปแข่งกับทีมไหน
รอบรองชนะเลิศ : เป็นการแข่งแบบ 2 นัด คือนัดเหย้าและนัดเยือน ซึ่งจะแข่งขันแล้วนำผลประตูจากทั้ง 2 นัดมารวมกัน หากทีมไหนที่ได้มากกว่าก็ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ
รอบชิงชนะเลิศ : เป็นการแข่งขันนัดเดียว แข่งกันที่สนามกีฬาเวมบลีย์ หากการแข่งเสมอกันจะทำการต่อเวลา แต่ถ้ายังไม่มีผู้ชนะจะมีการดวลจุดโทษ [2]
รางวัลแอลัน ฮาร์ดเกอร์ คือรางวัลที่มอบให้กับผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำนัดชิงชนะเลิศของบอลคาราบาวคัพ หรือบอลอีเอฟแอลคัพ โดยเป็นรางวัลที่มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 ซึ่งถูกมอบให้แก่ ‘เดส วอล์กเกอร์’ ที่เป็นผู้เล่นคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้ ต่อมาได้มอบให้กับ เบน ฟอสเตอร์ ,จอห์น เทร์รี และ แว็งซ็อง กงปานี ต่างได้รับรางวัลนี้คนละ 2 สมัย และผู้เล่นทั้งสามคนนี้คือผู้ที่ได้รับรางวัลมากที่สุดด้วยเช่นกัน
และมี 2 สโมสรร่วมเมืองแมนเชสเตอร์ อย่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดและแมนเชสเตอร์ซิตี ก็ต่างมีผู้เล่นที่ได้รับรางวัลนี้สโมสรละ 5 สมัย ซึ่งมากกว่าสโมสรอื่นๆด้วย ส่วนผู้เล่นชาวอังกฤษได้รับรางวัลนี้จำนวน 17 สมัย ซึ่งถือได้ว่ามากสัญชาติอื่นๆ ในขณะที่ผู้เล่นของสกอตแลนด์และผู้เล่นเบลเยียมก็ได้รับรางวัลนี้ชาติละ 2 สมัย [3]
สำหรับความพิเศษของบอล คาราบาวคัพ นี้ นอกจากจะเป็นถ้วยฟุตบอลที่มีความเก่าแก่เป็นอันดับ 3 ของประเทศอังกฤษแล้ว ยังเป็นถ้วยที่มีชื่อสปอนเซอร์จากประเทศไทยผูกโบว์ตรงถ้วยเป็นถ้วยแรกของโลกอีกด้วย ถือได้ว่าเป็นก้าวที่สำคัญในการทำให้สินค้าจากไทยเรา กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของคนในชาติด้วย ที่ได้ประกาศความยิ่งใหญ่นี้ให้กว้างไกลออกไป
[1] brandage. (Feb 21, 2022). “คาราบาวคัพ” ลีกฟุตบอลระดับโลก ดัน “คาราบาวแดง” สู่แบรนด์ระดับเวิลด์คลาส. Retrieved from brandage
[2] promotions. (Feb 27, 2019). คาราบาวคัพ คืออะไร? คอบอลไม่ควรพลาดกับจุดเริ่มต้นของ Carabao Cup จนถึงปัจจุบัน. Retrieved from promotions
[3] wikipedia. (Sep 10, 2024). อีเอฟแอลคัพ. Retrieved from wikipedia