การทำ IF หรือ การทำ Intermittent Fasting เชื่อว่าแทบทุกคนต้องเคยได้ยินมาบ้าง โดยเป็นการกินอาหารที่จำกัดเวลากิน ซึ่งเชื่อว่าสายสุขภาพสาย Healthy และคนที่ต้องการลดน้ำหนัก คุ้นเคยกับการ IF เป็นอย่างดี โดยปัจจุบันวิธีนี้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย นอกจากจะทำให้สุขภาพดีมีรูปร่างที่ดี และยังทำให้เกิดกระบวนการชะลอวัย ทำให้ผู้ที่ดูแลสุขภาพด้วยวิธีนี้หน้าเด็กขึ้นอีกด้วย
คือ การกินแบบจำกัดเวลา หรือการอดอาหารเป็นช่วงเวลา ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพ อวัยวะภายใน รวมไปถึงเซลล์ เพราะการจำกัดการกิน กินตามช่วงเวลาที่กำหนดไว้จนเป็นรูทีน ทำให้กระบวนการของร่างกายทำงานได้ดียิ่งขึ้น และงดการทานจุกจิกได้ ทำให้ร่างกายของเราดึงพลังงานที่เหลือเก็บมาใช้ ดึงพลังงานไขมันที่สะสมในร่างกายมาใช้เผาผลาญ
เพราะในช่วงระยะเวลาที่เรางดการทานอาหาร ประมาณ 7 ถึง 8 ชั่วโมง ระดับอินซูลินจะลดลงและระดับโกสฮอร์โมน (ฮอร์โมนที่ผลิตจากต่อมใต้สมอง โดยมีผลต่อเซลล์และอวัยวะในร่างกาย) จะสูงขึ้น ซึ่งทีนี้แหละจะทำให้เราเบิร์นไขมันเก่า กำจัดเผาผลาญไขมันแก่ เกิดกระบวนการฟื้นฟูเซลล์เก่า และสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทำให้เราอ่อนวัยขึ้นนั่นเอง
กฎของการฟาสติ้ง หรือ IF ไม่มีตายตัว ซึ่งสามารถปรับได้ตามการใช้ชีวิตของแต่ละคน และการทำ IF ยังสามารถแบ่งได้หลายๆประเภท ซึ่งสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมของแต่ละคน โดยหลักแล้วจะแบ่งประเภทต่างๆได้ดังนี้
ทั้งนี้ทั้งนั้น การฟาสติ้งแต่ละประเภทควรศึกษาข้อมูลก่อน และเลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด หากมีโรคประจำตัวให้ปรึกษาคุณหมอก่อน จึงจะทำให้การดูแลสุขภาพไม่ใช่การทำร้ายสุขภาพนั่นเอง
เทรนรักสุขภาพและสายเฮลตี้ ต้องเลือกวิธีการดูแลตัวเองให้เหมาะสม ซึ่งไม่ใช่ว่าทุกวิธีจะเหมาะกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการอดอาหาร การออกกำลังกาย การกินคลีน การกินวีแกน การทำคีโต และอื่นๆ ซึ่งใน การทำ IF ก็ต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายๆอย่างเข้าประกอบ หากทำผิดวิธี หรือไม่เหมาะกับเฉพาะกลุ่มอาจส่งผลเสียและเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
สำหรับคนที่มีโรคประจำตัวหรือมีความดัน ไขมัน เบาหวาน และคนที่มีน้ำหนักตัวต่ำเกินเกณฑ์ ไม่ควรเริ่มต้นทำ IF ควรปรึกษาคุณหมอหรือแพทย์ประจำตัวที่ดูแลอยู่ ซึ่งมาดูกันว่ากลุ่มไหนบ้างที่ไม่ควรฟาสติ้งด้วยการทำ IF ดังนี้
สำหรับมือใหม่ที่ต้อง การทำ IF สิ่งสำคัญเลย ต้องศึกษาข้อมูลเพราะข้อมูลเป็นอันดับ 1 ที่ไม่ว่าใครก็ตาม ต้องมีความรู้ก่อนจะลงมือทำ และเลือกรูปแบบการฟาสติ้งที่เหมาะสมกับตัวเอง สำหรับมือใหม่เลยให้เริ่มต้นจากง่ายๆก่อน เช่น ใช้ในรูปแบบ 16/8 ซึ่งจะส่งผลดีต่อร่างกายและสามารถทำได้ง่าย
ในการเลือกกินอาหารควรเลือกอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ และเลือกกินแต่ของดีไม่กินอาหารที่มีไขมันสูง ลดน้ำตาลลง ดื่มน้ำให้มาก 1,500 ถึง 3,000 มิลลิลิตร และสามารถซื้อวิตามินเสริมแมกนีเซียม โพแทสเซียม เพื่อป้องกันการขาดวิตามินบางตัวได้ [2]
จากผลวิจัยต่างๆและข้อมูลทางด้านสุขภาพในการทำ IF จะส่งผลให้สุขภาพดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านน้ำหนักตัวที่ลดลง ระดับไขมันในร่างกายลดน้อยลง ส่งผลต่อสมองทำให้ความจำดีขึ้น ความดันโลหิตลดลง ลดการเกิดไขมันพอกตับ ควบคุมความหิวได้ ลดการทานจุกจิก ระดับอินซูลินเป็นปกติ ลดภาวะการเกิดหลอดเลือดแข็ง ลดการอักเสบของเซลล์ในร่างกาย
และที่สำคัญสามารถทำให้อ่อนเยาว์ลงได้ เพราะทำให้กลไก autophagy ซึ่งเป็นกระบวนการฟื้นฟูเซลล์ เซลล์เก่าจะสลายไปและเซลล์ใหม่มาทดแทนทำให้เราอ่อนเยาว์ หน้าเด็กขึ้นทั้งคุณผู้หญิงและคุณผู้ชาย
ในยุคปัจจุบันนี้คนทั่วโลกหันมาใส่ใจสุขภาพและการทำ IF ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ไม่ว่าจะอยู่ในสายลดน้ำหนัก การดูแลสุขภาพและการกินอาหารที่ดี จะมีการทำฟาสติ้งควบคู่กันไปด้วยเสมอ ซึ่งเป็นที่นิยมกันในหลายๆประเทศรวมไปถึงในประเทศไทย หากใครกำลังดูแลสุขภาพหรือลดน้ำหนักอยู่ การทำฟาสติ้งถือเป็นตัวช่วยที่ดีอันดับแรกๆ หากทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกายและการกินอาหารคลีน กินอาหารต้นทางรวมไปถึงการดูแลตัวเอง ยิ่งส่งผลให้สุขภาพดีและอายุยืนนั่นเอง
อ้างอิง
[1] ketomate. (November 10, 2021). 6 รูปแบบการทำฟาสติ้ง. Retrieved from ketomate
[2] nutrilite. (2019). ทำ IF คืออะไร? เหมาะกับใคร? ข้อควรระวังก่อนทำ IF. Retrieved from nutrilite