อาหารอีสาน แซ่บนัว รสจัด แรงได้โล่

อาหารอีสาน หากจะกล่าวถึงหลายคนคงจะรู้จักคุ้นเคยและได้ลิ้มรสกันมาบ้างแล้ว ชาวอีสานนั้นถือได้ว่ามีวิถีการดำเนินชีวิตที่เรียบง่าย เช่นเดียวกับการที่รับประทานอาหารที่หาทานกันอย่างง่ายๆ ชาวอีสานมักจะรับประทานได้ทุกอย่างเพื่อดำรงชีวิตอยู่ให้สอดคล้องกับธรรมชาติของภาคอีสาน ชาวอีสานจึงรู้จักแสวงหาสิ่งต่างๆ ที่สามารถรับประทานได้ในท้องถิ่นมาดัดแปลงเป็นอาหาร

ความแตกต่างของ อาหารอีสาน

อาหารอีสาน เป็นอาหารที่มีความแตกต่างจากอาหารของภาคอื่นๆ และเข้ากับวิถีการดำเนินชีวิตที่เรียบง่าย อาหารของชาวอีสานในแต่ละมื้อจะเป็นอาหารง่ายๆเพียง 2-3 จาน ซึ่งทุกมื้อจะต้องมีผักเป็นส่วนประกอบหลัก พวกเนื้อส่วนใหญ่ก็จะเป็นเนื้อปลา เนื้อวัว และเนื้อควาย

ผักที่คนอีสานใช้ใส่ในอาหาร

ชาวอีสานส่วนใหญ่จะรับประทานข้าวเหนียวเป็นหลัก อาหารโดยมากจะมีรสเค็ม เผ็ด และเปรี้ยว ทำให้เกิดอาหารที่ขึ้นชื่อ คือ ส้มตำ ลาบ ซุบหน่อไม้ ไส้กรอก หม่ำ การจัดเตรียมอาหารของชาวอีสานจะไม่เน้นสีสันของอาหารหรือรูปแบบมากนัก กลิ่นของอาหารได้จากเครื่องเทศเหมือนภาคอื่นๆ แต่จะนิยมใช้ใบแมงลัก ผักชีลาว ผักชีฝรั่ง ผักแพว ใส่ในอาหารเกือบทุกชนิด ส่วนอาหารประเภทแกงจะไม่นิยมใส่กะทิ [1]

ปลาร้า เครื่องเคียงหลักของอาหารอีสาน

ชาวอีสานจะมีข้าวเหนียวนึ่งเป็นอาหารหลักเช่นเดียวกับภาคเหนือ เนื้อสัตว์ที่นำมาปรุงอาหารจะเป็นสัตว์ที่ไปหามาได้ เช่น กบ เขียด แย้ แมลงต่างๆ ที่มาของรสชาติ อาหารอีสาน เช่น รสเค็มจะได้จากปลาร้า รสเผ็ดได้จากพริกสดและพริกแห้ง รสเปรี้ยวได้จากมะกอก ส้มมะขาม และมดแดง

ในอดีตคนอีสานนิยมหมักปลาร้าไว้กินเองเพราะมีปลาอุดมสมบูรณ์ ประกอบกับเป็นแหล่งเกลือสินเธาว์ทำให้การทำปลาร้าเป็นที่แพร่หลายมาก จากปลาร้าพื้นบ้านอีสานได้มีการพัฒนาทั้งวิธีการทำและรสชาติ จนกลายเป็นต้นตำรับปลาร้าที่ส่งขายต่างประเทศในปัจจุบัน [2]

แนะนำอาหารจานโปรดของใครหลายคน

รู้จักประวัติความเป็นมาของ อาหารอีสาน และชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอีสานกันมาบ้างแล้ว วันนี้เราจะพามารู้จักกับอาหารที่ทั้งคนอีสาน และคนภาคอื่นๆต่างชื่นชอบ และถือเป็นหนึ่งในอาหารจานโปรดกัน 5 เมนูดังนี้

ส้มตำปูปลาร้า

ถือได้ว่าเป็นอาหาร signature ของคนอีสานเลยก็ว่าได้ เป็นเมนูสุดแซ่บ ประหนึ่งว่าวันไหนถ้าไม่ได้กินส้มตำแล้ว เหมือนขาดอะไรไปบางอย่างในชีวิต

วิธีทำส้มตำปูปลาร้า

• ตำกระเทียม พริกขี้หนู และน้ำตาลปี๊บ เข้าด้วยกัน จากนั้นใส่ถั่วฝักยาวลงไปตำพอแหลก
• หั่นมะเขือเทศลงไป ตามด้วยน้ำปลาร้า น้ำมะนาว น้ำปลา และผงชูรส ตำเบาๆ พอเข้ากัน
• หักปูเค็มใส่ลงไปตำเบาๆ ให้พอแหลกสุดท้ายใส่เส้นมะละกอสับลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน ตักใส่จาน โรยกากหมูและเม็ดกระถิน ตักใส่จานเสิร์ฟ

น้ำตกคอหมูย่าง

อีกหนึ่งเมนูที่ถือเป็นเมนูมหาชนของคนไทยทุกภูมิภาค ด้วยความนัวของรสชาติ และกลิ่นหอมของข้าวคั่ว พริก มะนาว น้ำปลา จึงทำให้เมนูน้ำตกคอหมูย่างเข้าไปอยู่ในใจของหลายๆคน

วิธีทำน้ำตกคอหมูย่าง

• ทิ่มหนังคอหมูให้เป็นรูเพื่อให้หมักเข้าเนื้อ นำคอหมูไปคลุกกับเครื่องหมักและผงปรุงรส หมักทิ้งไว้ 5-10 นาที
• เมื่อครบเวลาแล้วให้นำไปย่าง ใช้หม้ออบลมร้อน ความร้อน 180 องศาโดยใช้เวลา 15-20 นาที(หรือจะย่างด้วยเตาถ่านก็ได้) เมื่อสุกดีแล้วนำไปหั่นเป็นชิ้นๆ
• นำคอหมูย่างลงไปรวนกับน้ำเปล่าเล็กน้อย เมื่อน้ำเดือดแล้วจึงปิดแก๊ส
• ยกออกจากเตามาปรุงด้วย น้ำปลา พริกป่น น้ำตาล ข้าวคั่ว มะนาวสด คลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากัน จากนั้นใส่หอมแขก และต้นหอมลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน
• นำไปจัดใส่จาน ตกแต่งด้วยพริกทอด และใบสะระแหน่ เป็นอันเสร็จ พร้อมเสิร์ฟ

ก้อยเนื้อ ก้อยขม

เมนูของภูมิปัญญาชาวบ้านที่ไม่ผ่านกระบวนการใดๆมากนัก เมนูนี้จะได้ทั้งความสด ความแซ่บในเวลาเดียวกัน นิยมนำมาเป็นกับข้าวก็ดี หรือกับแกล้มก็ไม่เลวเหมือนกัน

วิธีทำก้อยเนื้อ ก้อยขม

• นำเนื้อวัวมาแล้วทำความสะอาด แล้วซับน้ำให้แห้ง จากนั้นลอกพังผืดของเนื้อวัวออกให้หมด
• สับเนื้อวัวให้ละเอียดพอประมาณ
• ตักเนื้อวัวใส่ชามผสม ใส่พริกป่น น้ำปลา และข้าวคั่ว ปริมาณความแซ่บตามต้องการ
• เติมเลือด และดีวัวเล็กน้อย(ไม่ใส่ก็ได้) ตามด้วยน้ำมะนาว ผงชูรสเล็กน้อย แล้วคลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากัน
• ชิมรสชาติให้ได้ตามต้องการ จากนั้นใส่ต้นหอม ผักชีฝรั่ง สะระแหน่ และใบมะกรูดฝอย คลุกให้เข้ากัน เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

ซุบหน่อไม้

เมนูยอดฮิตของชาวอีสาน ซุบหน่อไม้จะหอมอบอวลไปด้วยน้ำใบย่านางและน้ำปลาร้า ซึ่งทำให้มีกลิ่นเย้ายวนเตะจมูกของผู้บริโภคดีนักแล

วิธีทำซุบหน่อไม้

• ขยี้ใบย่านางกับน้ำจนน้ำเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้ม กรองเอาเฉพาะน้ำ เทใส่หม้อ เตรียมไว้
• ต้มน้ำจนเดือด ใส่หน่อไม้รวกลงต้มจนน้ำเดือดอีกครั้ง ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น จากนั้นบีบน้ำออกจากหน่อไม้ให้หมด
• ใส่ลงในน้ำใบย่านางที่เตรียมไว้ ยกขึ้นตั้งไฟจนเดือด ใส่เกลือป่น และน้ำปลาร้าลงไป ต้มจนเดือด ยกลงจากเตา เตรียมไว้
• ตักหน่อไม้ใส่ถ้วยผสม ใส่หอมแดงซอย ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำปลา พริกป่น และข้าวคั่ว คลุกเคล้าผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามใจชอบ ใส่ผักชีฝรั่งซอย และต้นหอมซอย คลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง ตักใส่จาน โรยใบสะระแหน่ พร้อมเสิร์ฟ

ต้มแซ่บกระดูกอ่อน

หนึ่งในเมนูสุดแซ่บที่มีแทบทุกโต๊ะอาหารในร้าน เวลาได้ซดน้ำร้อนๆจะทำให้โล่งไปหมด กระดูกอ่อนกรุบๆก็ได้อารมณ์เป็นอย่างดี

วิธีทำต้มแซ่บกระดูกหมู

• ใส่น้ำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟต้มจนเดือด ใส่ข่า ตะไคร้ และใบมะกรูด ลงต้มจนเดือดอีกครั้ง
• ใส่กระดูกอ่อนหมูลงต้มจนสุก ใส่เห็ดฟาง มะเขือเทศ และหอมแขกซอย ลงต้ม
• ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะขามเปียก และน้ำตาลทราย คนผสมจนเข้ากันดี ยกลงจากเตา
• ตักใส่ชาม เติมน้ำมะนาว พริกป่น และผักชีฝรั่ง ชิมรสตามชอบ โรยด้วยใบโหระพา พร้อมรับประทาน [3]

สรุป ความแซ่บ ความซี๊ด ของ อาหารอีสาน

นี่ก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งในความแซ่บ ความซี๊ด ของ อาหารอีสาน เชื่อว่าในหลายๆเมนูนั้นได้เป็นเมนูประจำตัวของหลายๆคนไปแล้ว นั่นก็เป็นเพราะว่าเสน่ห์ของอาหารอีสาน ที่ทำให้หลายๆคนติดใจนั่นเอง

อ้างอิง

[1] gaad001.wordpress. (2012). ที่มาอาหารถิ่นไทยอีสาน. Retrieved from gaad001.wordpress

[2] muaysoraya. (2024). ประวัติอาหารภาคอีสาน. Retrieved from muaysoraya

[3] food.trueid. (September 13, 2020). แจก 32 สูตร อาหารอีสาน ทำง่ายๆ ที่บ้าน แซ่บลืมทุกเมนู. Retrieved from food.trueid